องค์กรยุคใหม่ปรับกลยุทธ์อย่างไรในวันที่เทคโนโลยี,AI มีส่วนสำคัญต่อ การพัฒนาธุรกิจ

ai business development

การปรับกลยุทธ์ให้ทันกับเทรนด์ การพัฒนาธุรกิจ ในยุคที่เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาแทนที่ในกระบวนการต่างๆ ทำให้หลายองค์กร สูญเสียฐานลูกค้ารวมไปถึงเสียโอกาสในการแข่งขันให้กับคู่แข่งที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น ภาวะเศรษฐกิจหดตัว สงคราม และ ภัยธรรมชาติ ที่อาจะทำให้ต้นทุนในการทำงานสูงขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรรวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ นั้ทำได้ยากมากขึ้นและกระทบต่อแผนการดำเนินงานของธุรกิจ ทำให้หลายองค์กรต้องปรับกลยุทธ์ให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลและรักษาโอกาสในการแข่งขันของธุรกิจเอาไว้  

หาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานในส่วนงานที่ไม่ถนัด 

 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว องค์กรยุคใหม่ต้องมองหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยจัดการงานในส่วนที่ไม่ใช่งานหลักของธุรกิจ หรือ งานสนับสนุน (Support Function) เช่น งานด้านการสรรหาบุคลากร ซึ่งรวมถึงขั้นตอน Recruitment process เพื่อลดความซับซ้อนในการทำงานและเพิ่มความรวดเร็วในการงานบุคคล ไม่ว่าจะเป็น การคัดเลือก พัฒนาอบรม ไปจนถึงคำนวณเวลาในการทำงานและจ่ายเงินเดือนเป็นต้น 

ประโยชน์ของการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานแทน ได้แก่ 

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: การให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะและความรู้เฉพาะทางเข้ามาทำงานในส่วนที่องค์กรไม่ถนัด จะช่วยองค์กรได้งานที่ถูกต้องรวดเร็วและเป็นไปตามแผนงานได้มากขึ้น  
  • ประหยัดเวลา: การจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการงานส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่งานหลักของธุรกิจจะช่วยให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการโฟกัสกับงานหลักของธุรกิจเช่น แผนก HR ไม่ต้องมาปวดหัวกับการหา พนักงาน IT หรือ ช่างอาคารใหม่ทุกๆ 2 หรือ 3 เดือน  
  • ลดความเครียดจากภาระงานที่ไม่จำเป็น: การทำงานในส่วนงานที่ไม่ถนัดหรืองานที่แผนกนี้อาจะทำได้แต่ไม่ตรงกับ Job discription อาจสร้างความเครียด ให้กับทีมและอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง แต่การจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานแทนจะช่วยลดภาระงาน ลดความเครียด และทำให้คนในทีมสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ 
  • ขยายโอกาสทางธุรกิจ: ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งอาจนำเสนอมุมมองวิธีการและเทคนิคใหม่ ๆที่สามารถทำให้องคืกรสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้น 

โฟกัสกับงานหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของ การพัฒนาธุรกิจ 

องค์กรยุคใหม่ในปัจจุบันมักมุ่งเน้นไปที่งานหลักของธุรกิจ ซึ่งจะทำให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการพัฒนาด้านต่างๆเช่น บุคลากร แผนงาน กระบวนการในการทำงาน รวมถึงสร้างกลยุทธใหม่ๆเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น  

งานหลักของธุรกิจ (Core Business):  

  • งานที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า: เป็นงานที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของลูกค้ารวมไปถึงสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า เช่น การผลิตสินค้า การให้บริการ การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฯลฯ  
  • งานที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจ: งานหลักเป็นแหล่งที่มาของรายได้และเป็นสิ่งกำหนดทิศทางรวมไปถึงเป้าหมายของธุรกิจ  
  • งานที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง: ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีงานหลักที่แตกต่าง โดดเด่นจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และที่สำคัญจะต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของธุรกิจ 

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี และกระบวนการทำงาน เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ของพนักงานที่ทำงานในส่วนงานหลักของธุรกิจ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาอำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น 

งานสนับสนุน (Support Function):  

  • งานที่สนับสนุนงานหลัก: เป็นส่วนงานที่ช่วยให้การทำงานหลักของธุรกิจราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เช่น งานบัญชี งานด้านการเงิน การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล งานด้าน IT   
  • งานที่รองรับการเติบโตของธุรกิจ: งานสนับสนุนมีบทบาทสำคัญในการรองรับการเติบโตของธุรกิจ เช่น การจัดการระบบ การเก็บข้อมูล การออกแบบและวางแผนการเดินเอกสารภายในบริษัท 
  • งานที่เสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กร: งานสนับสนุนช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กร เช่น การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การบริหารความเสี่ยง การพัฒนาเทคโนโลยี ฯลฯ 

ซึ่งในปัจจุบันองค์กรยุคใหม่หันมาใช้การจ้าง Outsource มากขึ้น เพราะบริษัท Outsource มีทั้งความเชี่ยวชาญเฉพาะทั้งด้านการสรรหาบุคลากรที่ตรงตามความสามารถและการออกแบบระบบในการจัดการ รวมไปถึงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมให้องค์กรเข้าถึงเทคดนโลยีใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว นอจกากนี้ยังมีความยืนหยุ่นในการให้บริการ ทำให้อค์กรสามารถโฟกัสที่งานหลักของธุรกิจ Core Function ได้อย่างเต็มที่  

การใช้บริการ Outsource เป็นกลยุทธ์ใน การพัฒนาธุรกิจ 

   การใช้บริการ Outsource หรือการจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาดูแลงานสนับสนุนทั่วไปเช่น งานด้านเทคโนโลยี งานด้านการสนับสนุนข้อมูล จะช่วยปลดล็อกศักยภาพขององค์กร ทำให้องค์กรสามารถทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปกับงานที่สำคัญที่สุดได้ อาทิเช่น  

  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

การใช้บริการ Outsource ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะและประสบการณ์เฉพาะทางในด้านต่างๆ ได้ง่ายขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการทำงาน รวมไปถึงช่วยให้เข้าถึง เทคโนโลยีที่ทันสมัย เนื่องจากบริษัท Outsource มักมีการลงทุนในเทคโนโลยีรวมไปถึงมีกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยภาพรวมให้กับองค์กร  

  1. เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

บริการ Outsource ที่ดีจะช่วยให้องค์กร มีความีความยืดหยุ่นในการบริการจัดการ ทำให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และยังช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงทรัพยากรใหม่ๆได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ เทคโนโลยี รวมไปถึงโอกาสในการตลาดใหม่ๆ ที่องค์กรตามหา  

3.บริหารความเสี่ยงแทนองค์กร 

บริษัท Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญสูง จะช่วยลดความเสี่ยงทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ เช่น ความปลอดภัยในการทำงานของสายงานการผลิต งานประกันภัยสำหรับบริการ และ งานคีย์ข้อมูล รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการข้อมูล ทั้งในส่วนของข้อมูลลูกค้า ข้อมูลบริษัท ที่จะถูกจัดเก็บในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายองค์กรในปัจจุบันให้ความสำคัญ  

4.ควบคุมต้นทุน  

ช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนต่างๆได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนในการสรรหาและพัฒนาพนักงาน ประกันสังคม สวัสดิการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆในสำนักงาน ช่วยลดความเสี่ยงในการจ่ายค่าใช้จ่ายฉุกเฉินต่างๆเช่น ค่าชดเชยพนักงานกรณีที่องค์กรจำเป้นต้องลดขนาด ค่าประกันความเสียหายกรณีพนักงานทำงานผิดพลาดหรือเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน  

5. สร้างความยั่งยืนในยุคดิจิทัล

การใช้บริการบริษัท Outsource จะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืน ESG และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น 

 ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ที่มีการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรอย่างมีประสิทธธิภาพสูงสุด ช่วยลดการใช้พลังงานภายในองค์กรในระยะยาว 

ด้านสังคม (Social) บริษัท Outsource ชั้นนำมีการส่งเสริมโอกาสในการทำงานรวมไปถึงมีการอบรมการพัฒนาทักษะในสายอาชีพให้กับพนักงาน ช่วยให้พนักงานมีความสามารถเพิ่มขึ้น มีทักษะสำคัญตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานอยู่ตลอดเวลา และช่วยให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น  

ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) บริษัท Outsource มีระบบควบคุมภายในและการป้องกันการทุจริตที่เข้มงวด มีการดำเนินงานผ่านโยบายการกำกับดูแลกิจารที่ดี มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ 

สรุป

การใช้บริการ Outsource ในการกำหนดกลยุทธ์เป็นอีกทางเลือกที่หลายองค์กรเลือกใช้ในการพัฒนาธุรกิจ เพราะนอกจากจะช่วยให้องค์กรได้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วยังลดความซับซ้อนในการทำงาน ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ และช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีและAI มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ 

เกี่ยวกับเรา SO PEOPLE   

เราคือ ผู้ให้บริการ Outsourcing Service ด้านการจัดหาบุคลากรมืออาชีพ ภายใต้ 

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO บริษัท Outsource ชั้นนำที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้โมเดล Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย เรามีบริการที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจของคุณ ด้วยฐานข้อมูลผู้สมัครที่มีคุณภาพกว่า 200,000 รายบน database มีทักษความสามารถที่หลากหลาย พร้อมส่งมอบบุคลากรที่ใช่ให้กับธุรกิจของคุณ และ นอกจากนี้เรายังมี benefit อื่นๆที่พร้อมให้คุณได้มากว่าอาทิเช่น     

  • มีพนักงานพร้อมเริ่มงานภายใน 3 วัน      
  • มีการอบรมพัฒนาศัยภาพพนักงานในระหว่างสัญญา    
  • สามารถส่งคนทดแทนได้ กรณีพนักงานขาดงาน,มาสาย หรือ ลางานในกรณีต่างๆ   
  • มีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าตลอดอายุสัญญา    
  • มีบริการที่ยืดหยุ่นตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจ      
  • นอกจากนี้เรายังผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาร่วมในการออกแบบการให้บริการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น      

  irecruit : ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้สมัคร ที่สามารถจำแนก ทักษะความสามารถในด้านต่างๆ รวมไปถึงผลการทดสอบและการฝึกอบรมรายบุคคล ประมวลผลออกมาในรูปแบบของ Resume ช่วยให้เราสามารถหา “คนที่ใช่” ได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น  

  TIKTRACK : แอปพลิเคชันระบบจัดการงานด้านบุคลากร ที่ครบจบในแอพเดียวเช่น การลงเวลา เข้า-ออกงาน การลางาน ตรวจเช็ควันหยุดต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยเราได้ออกแบบตัวแอปพลิเคชั่นให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ (Realtime)       

  VMS : ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ ทั้งส่วนบุคคลและส่วนกลาง เช่นระบบในการการจองรถ การติดตามสถานะต่างๆ การจัดการเอกสาร ภาษี พรบ. รวมไปถึงการแจ้งเตือนการซ่อมบำรุง       

  DASHBOARD : หน้าต่างแสดงข้อมูลสรุปผลการปฏิบัติงานของพนักงานแบบ (Realtime) ช่วยให้ลูกค้าสามารถวิเคาระห์ข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น   

ติดต่อขอใบเสนอราคา

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.
ชื่อ-นามสกุล