Mega Trend 2026 รวม Trend และ Technology ที่ช่วยบริหารพนักงาน

Mega Trend

Mega Trend เมื่อ “เทรนด์แรงงาน + เทคโนโลยี” กำลังเปลี่ยนเกมของอุตสาหกรรมจัดหาพนักงานและบริหารแรงงานแบบ Outsource อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในอีก 3–5 ปีข้างหน้า จะมีเทรนด์หลัก ๆ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและโครงสร้างการบริหารพนักงาน ดังนี้

Mega Trend ในอนาคตเกี่ยวกับการบริหารจัดการพนักงาน 

1) Mega Trend ด้านแรงงาน

  • Skills-based hiring: โฟกัส “ทักษะ” มากกว่าปริญญา/ตำแหน่งเดิม มีการประเมิน Skill Gap และอัปสกิลแบบต่อเนื่อง (microlearning, nanodegree)
  • Hybrid & Distributed Workforce: โครงสร้างทีมแบบผสม On-site/Remote/Field ต้องการระบบติดตามผลงานและชั่วโมงทำงานที่โปร่งใส
  • Gigification ในองค์กรใหญ่: โปรเจกต์สั้น ๆ /งานเฉพาะทาง ใช้ Talent Pool แบบ on-demand เชื่อมผ่านแพลตฟอร์มกลาง
  • Outcome-based SLA: จาก “จำนวนนัดสัมภาษณ์/จำนวนหัว” ไปสู่ “คุณภาพ-ความเร็ว-Retention-ผลลัพธ์ธุรกิจ” เป็นตัวชี้วัดหลัก
  • EX (Employee Experience) เป็นหัวใจ: การดูแลประสบการณ์พนักงาน outsource ให้รู้สึกเป็น “คนขององค์กร” เพื่อลด Turnover

2) เทคโนโลยีที่จะเห็นใช้จริงมากขึ้น

  • AI Talent Matching & Sourcing Copilot

    • ใช้ LLM/AI คัด/สรุปเรซูเม่, จับคู่สกิลกับ JD, แนะนำผู้สมัคร “คล้ายกัน” อัตโนมัติ
    • Programmatic Job Ads ซื้อสื่อรับสมัครแบบอัตโนมัติและปรับงบตามประสิทธิภาพ
  • Talent CRM & Community

    • สร้างฐานผู้สมัครที่อุ่น (warm pipeline), รัน nurture journey อัตโนมัติ, จัดกิจกรรม re-engage
  • Workforce Analytics & Predictive Scheduling

    • แดชบอร์ดเวลาจริง (เวลาทำงาน, อัตราขาด/ลา, Productivity, Cost-per-hire, Time-to-fill) + คาดการณ์กำลังคนล่วงหน้า
  • Digital Onboarding & Compliance

    • e-KYC / e-Signature, Digital Credential & Skills Passport, ตรวจประวัติอัตโนมัติ, PDPA-by-design
  • RPA/Automation ฝั่ง Back-office

    • อัตโนมัติงานซ้ำ ๆ: ออกสัญญา, เบิก OT, ใบกำกับภาษี, กระทบยอด, แจ้งเตือนเอกสารหมดอายุ
  • Field Workforce Tech

    • แอปพนักงาน: ลงเวลา GPS/Face ID (พร้อมการยินยอม), แจ้งงาน/รับงาน, E-learning, Ticket HR
    • IoT เบื้องต้นสำหรับงานภาคสนาม (เช็คอินพื้นที่เสี่ยง, อุปกรณ์ความปลอดภัย)
  • QualityOps สำหรับงานบริการ

    • เครื่องมือ Audit หน้างาน, Checklist ดิจิทัล, รูป/วิดีโอหลักฐาน, คะแนนคุณภาพรายสาขาแบบเรียลไทม์

3) โมเดลการให้บริการที่เปลี่ยนไป

  • Consultative Outsourcing: ไม่ได้ขาย “คน” อย่างเดียว แต่ขาย “กระบวนการ+เทคโนโลยี+ข้อมูลเชิงลึก”
  • Co-managed Team / BOT (Build-Operate-Transfer): ตั้งทีมงานและกระบวนการให้ลูกค้า ก่อนโอนกลับเมื่อพร้อม
  • Flexible Contracting: สัญญายืดหยุ่น (ปรับจำนวนหัว/สกิล/กะเวลา) + pricing แบบผสม (fixed + performance bonus)
  • MSP + Multi-vendor Orchestration: บริหารหลายซัพพลายเออร์ผ่านระบบเดียว พร้อมเงื่อนไขข้อมูลตามมาตรฐาน

4) กฎหมาย/ความเสี่ยง (ในประเทศไทย)

  • PDPA & Data Governance: การจัดการข้อมูลผู้สมัคร/พนักงาน, การยินยอม (Consent), การเก็บใบหน้า/พิกัดอย่างโปร่งใส
  • แรงงานสัมพันธ์/สวัสดิการขั้นต่ำ: ความเท่าเทียมสวัสดิการพื้นฐานระหว่างพนักงาน outsource กับ in-house ลดความเสี่ยงข้อพิพาท
  • ความปลอดภัย/อาชีวอนามัย: EHS training ดิจิทัล, e-Work Permit สำหรับงานเสี่ยง/พื้นที่ปิด (confined space)
  • ภาษี/เอกสารอิเล็กทรอนิกส์: e-Tax Invoice & e-Withholding ครบถ้วน ตรวจสอบได้

5) การใช้ข้อมูล (Data-Driven HR)

  • ระบบ HR Analytics จะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ เช่น การคาดการณ์การลาออก, วิเคราะห์ Productivity, หรือวัดประสิทธิภาพโครงการจ้าง Outsource
  • บริษัทที่สามารถ “ใช้ข้อมูลจริงอธิบาย ROI ของแรงงานได้” จะมีโอกาสชนะในตลาด B2B มากขึ้น

6) การเติบโตของ “Flexible Contract” และ “Workforce as a Service”

  • แนวโน้มองค์กรไม่อยากผูกพันระยะยาว แต่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับจำนวนพนักงาน
  • Outsource Model จะถูกออกแบบให้ “ปรับจำนวนคนตามงานได้รายเดือน”
  • จะเห็นบริการใหม่ ๆ เช่น “On-demand Workforce”, “Project-based Hiring”, หรือ “BOT (Build–Operate–Transfer)”

Mega Trend ยุค Workforce Transformation ที่เปลี่ยน เป็น “คนกับ AI ทำงานร่วมกัน”

  1. ภาพรวม: AI ไม่ได้ “แทนที่” คน  แต่ “เปลี่ยนบทบาทของคน”

    AI จะไม่เข้ามาแย่งงานทั้งหมดในทันที แต่จะเข้ามา “ทำงานซ้ำ ๆ แทนมนุษย์” และผลักให้พนักงานต้อง “เพิ่มคุณค่าเชิงคิด วิเคราะห์ หรือสร้างสรรค์” มากขึ้น องค์กรจึงต้อง Re-skill / Up-skill เพื่อเปลี่ยนคนจาก “Operator” → “AI Supervisor / Analyst / Decision Maker”

  1. กลุ่มอุตสาหกรรมที่ AI จะส่งผลเร็วที่สุด

อุตสาหกรรมลักษณะผลกระทบตัวอย่าง
BPO / Outsource Servicesงานธุรการและ Contact Center จะถูกแทนด้วย Chatbot, RPAศูนย์บริการลูกค้า, งานเอกสารราชการ
การเงิน – ธนาคาร – ประกันภัยAI ทำ Credit Scoring, Fraud Detection, วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าพนักงานสินเชื่อ, พนักงานตรวจสอบเอกสาร
โลจิสติกส์ – ขนส่งระบบ AI ใช้วางแผนเส้นทาง, ตรวจสภาพรถ, บริหารสต๊อกเจ้าหน้าที่ควบคุมขนส่ง, Dispatcher
การผลิต (Manufacturing)หุ่นยนต์อัตโนมัติ + Vision AI ตรวจคุณภาพสินค้าQC Inspector, Operator
Retail / E-commerceChatbot + ระบบแนะนำสินค้า (Recommendation Engine)พนักงานขายออนไลน์, ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
IT / DigitalAI Code Generator, Test AutomationProgrammer ระดับ Junior, Tester
  1. กลุ่มงานที่ AI จะเข้ามาแทนที่ได้มากที่สุด

งานที่เป็น Routine & Rule-based (งานที่มีขั้นตอนชัดเจน)

ผลกระทบสูงสุด (แทนที่ได้เกิน 70%)

  • เจ้าหน้าที่เอกสาร / พนักงานธุรการ (Document & Data Entry)
    → ใช้ RPA + OCR ทำงานแทน เช่น ออกใบแจ้งหนี้, กรอกข้อมูล, ตรวจเอกสาร
  • เจ้าหน้าที่ Call Center / Customer Service ขั้นต้น
    → ใช้ Chatbot + Voicebot ตอบคำถามซ้ำ ๆ ตลอด 24 ชม.
  • เจ้าหน้าที่บัญชีเบื้องต้น / ตรวจสอบเอกสารทางการเงิน
    → AI ทำ Reconciliation, ตรวจผิดพลาด, วิเคราะห์แนวโน้มค่าใช้จ่าย
  • พนักงานฝ่ายบุคคล (HR Admin)
    → ระบบ HR Automation ทำ Payroll, Attendance, และการแจ้งลาแทนคนได้
  • เจ้าหน้าที่สรรหา (Recruiter)
    → AI Resume Screening / Matching / Scheduling แทนงานคัดกรองเบื้องต้น
  1. กลุ่มงานที่ AI จะ “ช่วยเสริม” ไม่ใช่ “แทนที่”

ผลกระทบเชิงบวก (AI เป็นผู้ช่วย)

  • นักการตลาด / นักวิเคราะห์ข้อมูล (Marketing & Data Analyst)
    → ใช้ AI วิเคราะห์เทรนด์ลูกค้า, สร้างคอนเทนต์, ทำ Predictive Model
  • ฝ่ายบุคคล (HR Business Partner / Talent Development)
    → ใช้ AI วิเคราะห์ Engagement, ประสิทธิภาพ, ความเสี่ยงลาออก
  • Project Manager / Consultant / Strategist
    → ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและจำลองสถานการณ์
  • Designer / Creator / Writer / Video Editor
    → Generative AI ช่วยสร้างภาพ วิดีโอ สคริปต์ เพื่อลดเวลาในการผลิต
  • ผู้บริหารภาคสนาม / Operation Manager
    → ใช้ Dashboard AI คาดการณ์ปัญหาและประเมินทีมแบบ Real-time

สรุปคือ AI จะทำให้ “คนหนึ่งคน” ทำงานได้เท่ากับ “ทีมเล็ก ๆ ทั้งทีม”
ดังนั้นองค์กรจะต้องปรับรูปแบบจ้างงาน จากจำนวนคน → ไปสู่ “จ้างตามสมรรถนะและประสิทธิภาพที่ AI เสริมได้”

  1. ตำแหน่งที่ “เสี่ยงสูง” ต่อการถูกแทนที่ (3–5 ปีข้างหน้า)

ระดับตำแหน่งความเสี่ยงแนวทางปรับตัว
พนักงานปฏิบัติการธุรการ / คีย์ข้อมูล🔴 สูงมากเรียนรู้การใช้ RPA / Power Automate / Excel AI
พนักงานบริการลูกค้าCall Center, Chat Support🔴 สูงมากฝึก Soft Skill, Emotional Handling
เจ้าหน้าที่บัญชีขั้นต้นตรวจเอกสาร, ทำบัญชีเบื้องต้น🔴 สูงฝึกวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเชิงลึก
เจ้าหน้าที่สรรหาScreening / Scheduling🟠 ปานกลางใช้ AI Recruitment Tools เป็น
เจ้าหน้าที่ขายTele Sales🟠 ปานกลางพัฒนาเป็น Consultative Sales
นักเขียน / คอนเทนต์เขียนข่าว/บทความทั่วไป🟠 ปานกลางโฟกัส Storytelling / Branding / SEO
ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์🟢 ต่ำใช้ AI วิเคราะห์แต่ต้องตัดสินใจเอง
  1. สิ่งที่ “คน” ยังเหนือกว่า AI

แม้ AI จะเก่งในเชิงตรรกะและความเร็ว แต่ยังขาด 4 ด้านสำคัญที่มนุษย์ได้เปรียบ:

  1. Empathy (ความเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น)
  2. Ethics (จริยธรรมและการตัดสินใจทางศีลธรรม)
  3. Creativity (ความคิดสร้างสรรค์)
  4. Leadership (การชี้นำและสร้างแรงบันดาลใจ)

ดังนั้น ตำแหน่งงานที่ต้องใช้ “มนุษยธรรม + ความสัมพันธ์ + การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์” จะยังคงสำคัญ

  1. แนวโน้มในอุตสาหกรรมบริการจัดหาพนักงาน (Outsource)

AI จะไม่ฆ่า Outsourcing — แต่จะ “เปลี่ยนโมเดลบริการ”:

  • จาก Manpower Service → Tech-Enabled Outsourcing
  • ใช้ระบบ AI Matching / Workforce Platform / Performance Dashboard
  • วัด SLA จากคุณภาพและ Productivity มากกว่าจำนวนหัว
  • บริษัท Outsource ที่ปรับใช้ AI ก่อน จะกลายเป็น “Strategic Partner” ขององค์กร

เกี่ยวกับเรา SO PEOPLE  

เราคือ ผู้ให้บริการ Outsourcing Service ด้านการจัดหาบุคลากรมืออาชีพ ภายใต้
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO บริษัท Outsource ชั้นนำที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้โมเดล Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย เรามีบริการที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจของคุณ ด้วยฐานข้อมูลผู้สมัครที่มีคุณภาพกว่า 300,000 รายบน database มีทักษความสามารถที่หลากหลาย พร้อมส่งมอบบุคลากรที่ใช่ให้กับธุรกิจของคุณ และ นอกจากนี้เรายังมี benefit อื่นๆที่พร้อมให้คุณได้มากว่าอาทิเช่น    

  • มีพนักงานพร้อมเริ่มงานภายใน 3 วัน     
  • มีการอบรมพัฒนาศัยภาพพนักงานในระหว่างสัญญา   
  • สามารถส่งคนทดแทนได้ กรณีพนักงานขาดงาน,มาสาย หรือ ลางานในกรณีต่างๆ  
  • มีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าตลอดอายุสัญญา   
  • มีบริการที่ยืดหยุ่นตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจ     

นอกจากนี้เรายังผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาร่วมในการออกแบบการให้บริการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น     

  irecruit : ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้สมัคร ที่สามารถจำแนก ทักษะความสามารถในด้านต่างๆ รวมไปถึงผลการทดสอบและการฝึกอบรมรายบุคคล ประมวลผลออกมาในรูปแบบของ Resume ช่วยให้เราสามารถหา “คนที่ใช่” ได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

  TIKTRACK : แอปพลิเคชันระบบจัดการงานด้านบุคลากร ที่ครบจบในแอพเดียวเช่น การลงเวลา เข้า-ออกงาน การลางาน ตรวจเช็ควันหยุดต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยเราได้ออกแบบตัวแอปพลิเคชัน นให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ (Realtime)     

  VMS : ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ ทั้งส่วนบุคคลและส่วนกลาง เช่นระบบในการการจองรถ การติดตามสถานะต่างๆ การจัดการเอกสาร ภาษี พรบ. รวมไปถึงการแจ้งเตือนการซ่อมบำรุง     

  DASHBOARD : หน้าต่างแสดงข้อมูลสรุปผลการปฏิบัติงานของพนักงานแบบ (Realtime) ช่วยให้ลูกค้าสามารถวิเคาระห์ข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น